หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘ยุคฟองสบู่แตก’ ยุคที่ธุรกิจปิดตัวกันแบบช่วยไม่ได้ สถานการณ์ที่บีบบังคับให้มีคนถูกจ้างออก พนักงานกินเงินเดือนหลายคนถูกลอยแพ ทางเลือกมีไม่มากในยุคนั้น มันคือยุคแห่งการตัดสินใจ เพราะเหตุการณ์นี้จึงทำให้เกิดธุรกิจรายย่อยแปลก ๆ ออกมาหลายประเภท ที่ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคน วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับเจ้าของร้านขายกล้องฟิล์มผู้เปลี่ยนอาชีพ จากพนักงานบัญชีสู่ธุรกิจกล้องฟิล์ม
ช่วยขายตัวเองแทนกล้องหน่อย
ผม สุรศักดิ์ วรรณศรี เป็นเจ้าของร้าน SiamTLR บริการของร้านก็จะเน้นไปเรื่องขายเป็นหลัก ขายกล้อง ขายฟิล์ม จะไม่ได้รับเซอร์วิสกล้อง ถ้าเห็นมีบ้างก็คืองานช่วย ช่วยทำนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ว่าไม่ได้รับเป็นหลัก หลัก ๆ ก็คือขาย ที่นี่ไม่เหมือน 7-11 ที่คุณจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกไป คุณสามารถนั่งอยู่โต๊ะผมได้ครึ่งวัน ผมก็นั่งทำงานไป คุยไป สอนไป แต่ถ้าวันแรกผมจะสอนนั่งโต๊ะเลย นั่งจับมือสอนเลย ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง คุณเดินออกไปคุณถ่ายรูปได้เลย
ร้านนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
น้องน่าจะเคยได้ยิน ยุคผมเป็นยุคฟองสบู่แตก ผมเป็นพนักงานบัญชีและบริษัทผมก็อยู่ในกลุ่มที่มีปัญหา จนตอนหลักเขาก็เลิกจ้างกันและมีการโอนย้ายพนักงาน แต่ผมไม่ไป ร้านเกิดจากความไม่ตั้งใจ กล้องพวกนี้เป็นของสะสม เป็นงานอดิเรกของผม ช่วงนั้นผมหัดเขียน Website แต่เวลาทำเว็บเราต้องมี คอนเซ็ปต์ ไงว่าเราจะทำเว็บเกี่ยวกับอะไร ผมก็คิดว่าจะทำอะไรดีวะ ทำกล้องฟิล์มแล้วกัน ในเมืองไทยไม่เจอเว็บกล้องฟิล์มเลย ทุกอย่างถ้าค้นหาจะเจออยู่ที่เว็บต่างประเทศทั้งหมด ผมเลยเป็นคนเปิดเว็บกล้องฟิล์มและร้านขายกล้องฟิล์มออนไลน์ร้านแรกในประเทศไทย แต่ตอนแรกไม่ได้ขายมันจะเป็นแค่เว็บของสะสม ผมก็ถ่ายรูปกล้องลงเว็บแล้วก็หาข้อมูลจากต่างประเทศมาแปลเป็นไทย เขียนให้คนเข้าใจง่าย แล้วจากนั้นก็เริ่มมีคนมาขอซื้อตลอด ก็เลยลองขายดู สุดท้ายก็ขายไปได้เรื่อย ๆ ก็เลยแปลงจากเว็บสะสมกลายเป็นเว็บขายกล้องตั้งแต่ตอนนั้นมา แต่ก่อนไม่มี Facebook ผมทำ Website เอง แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วย้ายมาอยู่กับ Facebook มันง่ายดี
คอนเซ็ปต์ร้านคืออะไร?
คอนเซ็ปต์ของร้าน กล้องทุกตัวจะถูก CLA ระบบเรียบร้อยแล้วขาย ซึ่งหลักการของร้านแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน บางร้านเขาขายคุณในสภาพเดิม ๆ คุณต้องเอาไปเซอร์วิสเอง เรียกง่าย ๆ ว่า วัดดวงกันเอง แต่ของที่นี่เราจะเช็กให้ทั้งหมด ล้างระบบ เช็กทุกอย่าง กล้องทุกตัวต้องใช้ได้ สมบูรณ์สะอาด เพราะฉะนั้นงานของร้านเลยเยอะมาก แทบไม่มีเวลาไปรับงานนอก
กล้องที่ลูกค้าถามหาบ่อย ๆ
ก็จะมีเป็น olympus trip 35 ถามว่าเป็นกล้องสเปคที่ดีไหม ค่อนข้างจะกลาง ๆ ลงไป อยู่ในเกรดบีลบ เพราะว่าสเปคค่อนข้างต่ำ ที่คนถามหาเยอะเพราะว่าในโซเชียลจะมีการริวิวกล้องตัวนี้เยอะ แต่พอลูกค้ามาถามหา ผมก็จะบอกว่า น้องจะเล่นแค่นี้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้าน้องเล่นแค่นี้น้องก็เอาไป แต่ถ้าน้องคิดว่ามันจะทำแบบนั้นแบบนี้ได้ มันไม่ใช่นะ ถ้าน้องอยากได้แบบสเปคสูง ๆ ก็ควรจะที่จะเลือกตัวสเปคสูง ๆ ไปเลย เพราะถ้าเอาตัวสเปคต่ำ ๆ ไป เดี๋ยวอีก 2-3 วันก็ต้องมาซื้อใหม่อีก
คำถามที่เจอบ่อยในแต่ละวัน?
ลูกค้า 80-90 เปอร์เซ็นต์ เดินเข้ามาตัวเปล่า ๆ แล้วก็บอกว่า หนูอยากใช้กล้องช่วยแนะนำหน่อย แต่ผมไม่แนะนำนะ น้องต้องบอกตัวเองก่อนว่าน้องจะเล่นกล้องแบบไหน น้องอยากเล่นกล้องในระดับไหน ถ้าแค่อยากถ่ายรูปติดผมก็จะให้ดูอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าน้องอยากเรียนรู้การถ่ายรูป ผมก็จะให้อีกแบบหนึ่ง บางคนก็บอกไม่อยากเรียนรู้ ผมก็จะให้ดูพวกกล้อง Auto ไป มีปรับบ้างนิดหน่อย บางคนไม่อยากปรับอะไรเลยก็เอาพวก Compact ไป บางคนบอกอยากเรียนรู้ คุณก็ควรจะเล่นกล้องพวกที่เป็น Full Manual เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันจะถูกจำกัดด้วยงบประมาณว่ามีเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คุยกับลูกค้าก็จะประมาณนี้
กระแสการเล่นกล้องฟิล์มที่มากขึ้น ทำให้ธุรกิจดีขึ้นอย่างไร?
มันดีขึ้นแน่นอน แต่ว่ามันก็มีสองด้าน สำหรับผมที่ขายอยู่แล้วมันก็ดีแน่นอน แต่อีกด้านหนึ่งก็จะมีกลุ่มคนที่ไม่มีจรรยาบรรณและคนที่เป็นเหยื่อก็คือเด็ก เด็กที่ไม่ศึกษาอะไรเลย เด็กสมัยนี้ที่บางคนชอบก็ซื้อเลย ยังใช้กล้องไม่เป็นก็มี พอมีการโกงเกิดขึ้นหลายคนก็จะรู้สึกไม่ดีต่อวงการนี้ ทั้งโดนหลอก ซื้อมาใช้ไม่ได้ หรือซื้อมาแพงเกินความเป็นจริงก็มี ทั้งหมดเพราะว่าเขาไม่ได้ศึกษามา ต่างจากคนสมัยก่อนที่ศึกษามาเป็นอย่างดีแล้วค่อยซื้อ แต่เด็กสมัยนี้เห็นดาราเล่น แล้วอยากได้ก็ซื้อเลย โดยที่ไม่ได้สนใจว่าราคามันจริง ๆ แล้วเท่าไหร่
อะไรบ้างคือสิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อกล้อง?
เข้าใจว่ากล้องที่เป็นกระแสมันหายาก มัวแต่ศึกษา อีกวันก็อาจจะไปแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ากล้องมันไม่ได้มีตัวเดียวในโลกหรอก ส่วนกล้องใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ มันเป็นเบสิกอยู่แล้วที่ต้องรู้ ว่ามันต้องใช้ได้ แต่ที่ต้องรู้จริง ๆ คือเรื่องราคา เพราะตอนนี้ราคามันสวิงมาก สวิงตามกระแส กล้องบางตัวถูกปั่นราคาเพิ่มขึ้นไป 2-3 เท่ายังมีเลย เอาจริง ๆ บางทีมันไม่ถึง ซึ่งกล้องฟิล์มตามราคาตลาดของมัน มันจะมีการปรับขึ้นอยู่แล้ว ปีละ 5-10% เพราะของมันหายากขึ้นและค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงนี่คือเรื่องปกติ
แต่บางอย่างกล้องบางตัวถ้ามีดาราเล่นสักตัวนึงราคามันจะพุ่งขึ้นไปโดยไม่มีเหตุผลเลย อย่างตัวละหมื่นกลายเป็นสองหมื่น ซึ่งถ้ามันขึ้นไปตลอดก็อีกเรื่องนึง แต่ถ้าขึ้นไปแล้วมันไม่ใช่ มันจะร่วงกลับลงมา คนที่ซื้อไปช่วงแพงก็จะรู้สึกเหมือนถูกหลอก
ในเมื่อราคามันดีดตัวตามกระแส แบบนี้ไม่มีเรียกว่าโอกาสหรอ?
มันเป็นโอกาสที่ไม่มีจรรยาบรรณไง เช่น มีดาราไทยคนนึงไปหยิบกล้องมาหนึ่งตัว จาก 5,000 กลายเป็น 8,000 แล้วพอมีคนบอกอยากได้ ก็จะมีคนเอามาขายในราคานี้ไปเลย ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนคุณอยู่ที่ราคาเก่าแต่คุณบวกเข้าไปเฉย ๆ แต่ของผมนี่อิงจากราคาตลาดโลกนะ ตลาดโลกของผมก็คือ eBay ซึ่งผมจะใช้ราคาซื้อของจริงโดยถัวเฉลี่ย มันก็จะอยู่ในกลุ่มราคานี้ ผมก็จะใช้ราคาตรงนี้เป็นเกณฑ์ อาจจะไม่ตรงเสมอไปมีบวกลบนิดหน่อย แต่ยังคงอยู่ในไลน์นี้เลย
คิดว่าวงการกล้องฟิล์มจะกลับไปอยู่จุดต่ำสุดอีกไหม?
มันเคยอยู่จุดต่ำสุดไปแล้ว วันนี้มันจะมีแต่ขึ้นอย่างเดียว มันมีแต่จะแพงขึ้นไปเรื่อย ๆ ลองนึกดูว่า ทุกปีจะมีเด็กจบใหม่ จบจากมหาวิทยาลัยออกมากำลังจะทำงานมีกำลังซื้อ ตีซะว่าแสนคน แสนคนอยากได้กล้องฟิล์มหมื่นคน แต่ของทุกวันนี้มันมีเท่าเดิม กล้องที่เอามาเล่นกันส่วนใหญ่จะอยู่ในยุคสัก 1930 จนถึงปี 2000 ประมาณ 70 ปี ของการผลิตช่วงนี้ ของมีเท่านี้ผลิตมา 40-50 ปีแล้ว จำนวนคนซื้อมากขึ้นแต่ของมีเท่าเดิม ราคามันเลยขึ้นด้วยเหตุนี้
คิดอย่างไรที่เริ่มมีการผลิตกล้องฟิล์มออกมาใหม่?
มีหลายบริษัทที่คิดว่าจะกลับมาผลิต ตอนนี้ก็มีนะ มีน้อยมาจะเป็นเฉพาะพวกรุ่นลิมิเต็ดอย่างเดียว แต่เท่าที่ดูฐานราคาของกล้องผลิตใหม่ ก็คือเหมือนของใหม่ เหมือนดิจิทัล พอซื้อปุ๊บราคาร่วง ซึ่งจะต่างจากการเล่นของเก่า ซื้อถูกแล้วมันจะเริ่มแพงขึ้นเรื่อย ๆ คนซื้อก็เลือกดูว่าจะเล่นแบบไหน
การเริ่มต้นของคุณ สุรศักดิ์ วรรณศรี มักจะเริ่มต้นด้วยคอนเซ็ปต์เสมอ ไม่ว่าจะเริ่มทำ Website การให้บริการของธุรกิจ หรือแม้แต่จะถ่ายรูปสักม้วนก็ตาม เราคิดว่าการมีคอนเซ็ปต์ที่แข็งแรง อาจจะไม่ใช่คอนเซ็ปต์ที่ดีหรือใหม่ก็ได้ แต่ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อแก่นของมัน ไม่หักหลังตัวเอง นี่อาจจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เราสามารถอยู่กับสิ่งที่เรารักได้อย่างมีความสุข
ส่วนใครที่กำลังสนใจกล้องสักตัว สามารถลองไปยืนดูว่ามีตัวไหนที่เหมาะกับตัวเอง หรือพูดคุยบอกความต้องการของตัวเองได้ที่
SiamTLR
ร้านตั้งอยู่ที่ BTS เพลินจิต ตึกมหหาทุนพลาซ่า
โทรศัพท์ : 081 431 0351