คุยกับคนข้างๆ ของ บ้านข้างๆ t_047 เมื่อบ้านและท้องฟ้าเป็นมากกว่าแค่ภาพถ่าย

ลองมองออกไปนอกหน้าต่าง มุมเดิม ๆ ที่เราเคยเห็น เรารู้สึกยังไงกันบ้าง ?​ เป็นแค่ภาพตึกตรงข้ามที่คุ้นตา ภาพท้องฟ้ากว้างไกล หรือภาพของหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาพไหนที่เห็นก็ตาม เราทุกคนคงมีมุมประจำที่เห็นกันจนชินตา แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างกับภาพคุ้นตามุมนั้น แต่ “บ้านข้างๆ” หรือ “t_047” เลือกที่จะไม่ปล่อยให้ภาพบ้านข้างๆ ที่เห็นจากหน้าต่างมุมเดิม เป็นเพียงภาพในความทรงจำเท่านั้น เขาเลือกที่จะนำภาพนั้นออกมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวในแต่ละวัน ที่ให้มู้ดแตกต่างกันไป แม้จะเป็นภาพ “บ้านข้างๆ”  มุมเดิมก็ตาม

เราอาจคุ้นเคยกับ Page Facebook “บ้านข้างๆ” หรือ IG “t_047” ที่เป็นพื้นที่โพสต์ภาพถ่ายของบ้านหลังเดิม กับท้องฟ้าของวันนั้น ที่เราอนุมานได้ว่าคนถ่ายคงเป็นคนที่อยู่ข้างๆบ้าน เลยเรียกบ้านหลังนั้นว่าบ้านข้างๆ เราเสพฟีลลิ่งของภาพถ่ายจากสีของท้องฟ้า มู้ดของภาพ และแคปชั่น แต่วันนี้เราจะพามาเสพฟีลลิ่งนั้นจากเจ้าของภาพถ่ายบ้านข้างๆเองเลย มาดูกันว่า ท้องฟ้าและบ้านข้าง ๆ จากมุมมองของเขา จะบอกเล่าเรื่องราวอะไรได้บ้าง

ตอนที่ดูภาพถ่ายบ้านข้างๆ เคยคิดไว้บ้างมั้ยว่าคนถ่ายภาพนั้นจะเป็นคนแบบไหน ? หน้าตาแบบไหน ? ทำงานอะไร ? เราเองก็เป็นคนนึงที่เคยคิดไว้ว่าเขาจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่พอได้พูดคุยกับสองชั่วโมงในคาเฟ่สักที่แถว ๆ อารีย์ (ที่เขาบอกว่าเป็นร้านประจำของเขาเอง) เราก็เลยรู้ว่าที่เราคิดไว้ มันไม่ค่อยตรงกับความจริงสักเท่าไหร่เลย

ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ?

“ตอนนี้เรียนปีสี่อยู่ กำลังธีสิส แล้วก็ทำงานด้วย ทำกับฟังใจ ครีเอทีฟครับ”

รู้มาว่าเป็นนักดนตรีด้วย

“งานดนตรีจริง ๆ ทำกับ YERM มานานแล้ว ตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่บ้านข้าง ๆ (t_047) พอทำไปเรื่อยๆ อยากจะมี Side Project เป็นเพลงเป็นไรงี้บ้าง ให้มันเล่าเรื่องให้คนฟังมากกว่าแค่รูป ทำ IG ก่อนแล้วค่อยทำเพลง

อย่างใน IG แคปชั่นมันจำกัดความยาวของ Message นิดนึง เหมือนบางเรื่องอยากเล่ายาว ๆ คิดว่าเพลงมันเล่าได้ดีกว่า”

วง t_047 นี่ทำคนเดียวเลยหรือเปล่า ?

“ช่วงแรก ๆ อัดเองคนเดียว ปล่อยคนเดียว พอทำไปเรื่อย ๆ มันเหมือนเริ่มหมดมุกอะ เลยเอาเพื่อนวง YERM มาช่วยกันทำ เวลาไปเล่นไปคนเดียวมันเหงา เลยเอาเพื่อนอีกสองคนไปด้วย ทำเป็น Session Acoustic เล็ก ๆ จะได้ไม่เหงา

แต่เพลงมันจะเล่าต่างกันนะ ของวง YERM มันจะลึกลงไปกว่า ของบ้านข้าง ๆ มันจะเล่าชีวิตประจำวันง่าย ๆ ที่เราชอบ”

คนรู้จักจากอะไรมากกว่า ?

“ไม่รู้ว่ะ แต่คนรอบข้างบอกว่า บ้านข้าง ๆ ดังกว่า YERM (หัวเราะ) แต่บ้านข้าง ๆ เราไม่ได้เปิดเผยตัวตนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ปิดนะ ถ้ารู้ก็เออ ของกูเองแหละ แต่ก็ไม่พยายามแสดงหน้าตาอะไรมากมาย เพราะยิ่งไม่เห็นหน้ากันเลย ตามแต่ผลงาน มันจะมีช่องว่างให้เขาจินตนาการมากกว่า”

“ส่วนมากเขาก็ตาม ๆ ไปสืบแหละมั้งว่าเป็นใคร ก็ดีแล้วที่เขารู้จักผิวเผิน เพราะจริง ๆ เราก็รับผิดชอบความคาดหวังของคนตามไม่ไหวนะ บางทีเขาคงนึกว่าเราต้องเป็นคนที่โรแมนติก เป็นผู้ชายอบอุ่นอะไรงี้ ก็ไม่ กูก็คนเหี้ยคนนึง (หัวเราะหนักมากก)”

“ผมก็คนธรรมดา แดกเหล้า ดูดบุหรี่ ทำตัวเลอะเทอะ แต่ก็ไม่ผิดที่เราเป็นแบบนี้ แค่มีมุมนึงที่เราอยากแสดงออกถึงความมั่นคงของเรา ความโรแมนติกของเรา”

เริ่มถ่ายบ้านข้างๆมานานแค่ไหน ? 

“ห้าปีครับ จริง ๆ นานกว่านั้น รูปแรกถ่ายตอนปี 52-53 นี่แหละ ช่วงนั้นเราถ่ายช่วงแรกลงใน IG ตัวเองก่อน พอเราลงรูปหนึ่ง รูปสอง รูปสาม เพื่อนก็เริ่มถามว่ามันคืออะไร คนกลุ่มนึงก็เริ่มรำคาญไอ้บ้านหลังนี้ (หัวเราะ) พอเราถ่ายไปสี่รูปปุ๊บ เราก็มาเรียงเป็นสี่ช่วงเวลา เพื่อนก็เริ่มไม่โอเค ก็เลยแยกไปตั้งกูของเองละกัน จะได้ไม่มีใครบ่น ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำนาน แค่อยากเก็บเป็นช่วงเวลาเอาไว้ดูเอง”

ทำไมถึงเลือกเป็นบ้านหลังนั้น ?

“ช่วงนั้นเด็กถาปัต ช่วงที่ฮิปสเตอร์ยังไม่มา คนจะถ่ายผนัง ถ่ายบ้าน ถ่ายวิว อะไรเงี้ย ช่วงนั้นฮิตมาก เราอยากเท่บ้าง เลยหาอะไรใกล้ๆตัว พอดีบ้านเรามันมีหน้าต่างแค่ฝั่งเดียว พอเปิดไปมันก็เห็นแต่มุมนี้ เลยเลือกเป็นมุมนี้ จริง ๆ ไม่ได้มีคอนเส็ปต์อะไรเลย ถ่ายเอาเท่เลยตอนแรก ๆ”

จริง ๆ แล้วอยากโฟกัสท้องฟ้าหรือบ้านมากกว่ากัน ?

“ตอนแรกชอบท้องฟ้าอย่างเดียวเลย ชอบเวลาเห็นอะไรอยู่บนท้องฟ้า แต่ตัวบ้านเริ่มมาชอบทีหลัง พอท้องฟ้ามันเป็นอีกมู้ดนึง บ้านมันก็เปลี่ยนสีไปตามท้องฟ้าเลย ค่อย ๆ เก็ตคอนเส็ปต์ทีหลัง”

“จริง ๆ ท้องฟ้าอาจจะเหมือนตัวเราก็ได้เนอะ เราก็เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมอะไรงี้ พยายามคิดคอนเส็ปต์เท่ ๆ เอาไว้จะได้ตอบเขาได้”

เลือกถ่ายช่วงเวลาไหนบ่อยที่สุด ?

“แล้วแต่เลย เราพยายามไม่กำหนดเวลา ไม่หาช่วงเวลาที่มันสวยด้วย ส่วนมากมันจะเริ่มแค่จาก Message บางอย่างที่อยากจะสื่อสาร อยากจะเล่าอะไรก่อน อาจจะไปเจออะไรในชีวิตประจำวันมา ก็ถ่ายแล้วก็เล่า”

“ถ้า IG นี้มีแต่ท้องฟ้าช่วงเย็น พระอาทิตย์ตกสวย ๆ เงี้ย มันก็ดูเลี่ยนอะ ดูไม่จริง เราพยายามเก็บหมด ไม่ว่าจะสวยหรือไม่สวย”

แล้วชอบเวลาไหนที่สุด ?

“ชอบช่วงเย็น พระอาทิตย์ตกนี่แหละ มันจะมีลูกเล่นของมันเยอะ ”

“ฟ้าตอนเย็นเหมือนเป็นรางวัลของชีวิตมนุษย์อะ บางทีเราเหนื่อยมาทั้งวัน มาดูฟ้าตอนเย็น แม่งแบบ ไอ้เหี้ย (คำสร้อย) สวย รีแลกซ์ สุด ๆ”

“ช่วงเช้ามันก็เป็นอีกฟีลนึงอะ เหมือนก่อนออกไปเจอนู่นนั่นนี่ ก็มองท้องฟ้าให้รู้สึกว่า มันก็แค่วันนึงล่ะวะ กลางคืนก็จะเป็นอีกมู้ดนึง เหงา ๆ เพ้อ ๆ แล้วอะ มีท้องฟ้ากลางคืนเป็นเพื่อนอะไรงี้”

ถ่ายปุ๊บลงเลย ?

“ใช่ ไม่ Stock ภาพ ไม่แต่ง ไม่อะไรเลย”

รูปที่ชอบที่สุด

“มีรูปนึงเป็นสายรุ้งที่ชัดมากเลย ตอนที่ถ่ายเนี่ยประมาณสองปี เคยคิดไว้เล่น ๆ ว่าถ้าวันนึงแม่งมีอะไรแปลก ๆ เข้ามาในภาพได้ อย่างสายรุ้ง ดาวตก หรืออุกกาบาตเนี่ย มันจะเฟี้ยวมากเลย แล้ววันที่สายรุ้งมาเนี่ย เป็นวันประกาศผลแอดมิชชั่น เราเครียดสัส ๆ กลัวไม่ได้ ตอนที่เปิดไปถ่าย มันเจอสายรุ้งพอดี ก็โอ้โห อะไรมันจะพอดีขนาดนั้นวะ อะไรมันจะให้กำลังใจเราได้ขนาดนั้นวะ เลยเป็นรูปที่ชอบมาก ๆ”

Follower IG ตอนนี้เท่าไหร่แล้ว ?

“สี่หมื่นนิด ๆ มั้ง”

เกินคาดมั้ย ?

“เกินคาดเยอะ จริง ๆ ตอนเจ็ดแปดพัน เรารู้สึกแปลก ๆ แล้วอะ พอมันเริ่มมีคนตอบรับ มาคุยกับเรา ก็รู้สึกแปลก ๆ แล้วอะ จริง ๆ มันเริ่มจากตอนที่พี่ป้อม Lomosonic แกเอาไปแชร์ก่อน เลยเริ่มมีศิลปินตามมาเยอะเลย ก็รู้สึกแปลก ๆ”

Follower ที่เราดีใจตอนที่เขา Follow มาที่สุด

“มีสองคน พี่ฮิวโก้ กับพี่ตูน บอดี้แสลม เขาเป็นสอง God เลยอะ ฟินที่สุดตั้งแต่ทำ IG มาเลย”

เคยคิดอยากเพิ่ม Object อื่นเข้ามาในรูปบ้างมั้ย ?

“เราว่าไม่น่าจะมี แค่นี้แหละ มันอยู่ที่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเลย วันนึงเขาทุบบ้านไป จะทำอะไรต่อ หรือวันนึงบ้านนี้เสือกรับติดโฆษณา (หัวเราะ) เราก็ไม่รู้จะทำไงต่อเลยเว้ย สมมติว่าเกิดทุบบ้านแล้วสร้างเป็นบ้านหลังใหม่ เราก็ถ่ายต่อ คิดว่า Follwer น่าจะเข้าใจ เพราะมันคือปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เราทำ IG นี้ด้วยความรู้สึกนี้แหละ วันนึง IG แม่งอาจจะยุบ วันนึง Facebook อาจจะไม่มีคนเล่น มันก็ไม่แน่นอน”

สมมติถ้าไม่มีบ้านหลังนั้นแล้ว จะถ่ายต่อมั้ย ?

“ก็ถ่ายมุมนั้นมุมเดิมแหละ อย่างน้อยก็จะได้เห็นว่ามันเคยมีอะไรเกิดขึ้น วันนึงแม่งหายไป ไม่มีอะไรแน่นอนเลยชีวิตนี้ เราว่าที่คนติดตามส่วนนึง เพราะความไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นวะ ตอนแรกเราดู ข้างบนแม่งมีเสาสองเสา วันนึงแม่งมีเสาผุดมาอีกอันนึง เราไม่ได้สังเกตเลย เราเพิ่งมาไล่ย้อนดู เออว่ะ เสาแม่งเพิ่มมา วันนึงแทงก์น้ำอาจจะหายไป ก็สนุกดี”

ที่คิดไว้จะถ่ายไปอีกนานแค่ไหน ?

“อันนี้ไม่รู้เลย เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาด้วยความรู้สึกอะไร คนเรามันเติบโตไปเรื่อย ๆ บางแคปชั่น กลับไปอ่านยังมีความรู้สึก เชี่ย อยากจะลบรูปนี้ แคปชั่นนี้ทิ้งชิบหายเลย ทำไมตอนนั้นมึงเสี่ยวขนาดนี้วะ”

หวงมั้ยถ้าจะมีคนถ่ายตาม ?

“ไม่หวงเลย จริง ๆ Platform ของการถ่ายภาพมุมเดิม เมืองนอกมันมีเยอะแล้ว มีอันที่สวยกว่าบ้านข้าง ๆ เยอะ เราก็มีเหตุผลของเราที่จะทำอะไรธรรมดา ๆ สักอย่าง เหตุผลที่แต่ละคนถ่ายมันก็ต่างกัน”

Feedback จากคนดูเป็นยังไงบ้าง ?

“ส่วนมากเขาจะบอกว่า เขาได้อะไรจากการดู บางคนดู IG ฟังเพลง แล้วก็ไปบวช ก็มี รู้สึกดีนะที่ทำให้คนเข้าถึงรสพระธรรมได้ ในขณะที่ตัวเราแม่งยังเป็นคนบาปอยู่เลย (หัวเราะ) มันก็ทำให้เรามีกำลังใจจะทำต่อ”

“มันจะมีช่วงนึงที่เนือย ๆ ไม่มีอะไรจะเล่า เพราะชีวิตมันเฉย ๆ มากเลย เราก็ไปอ่านคอมเม้น Message ที่จะเข้าไปนาน ๆ ที พออ่านแล้วก็เออ แม่งมีคนได้อะไรจากเราว่ะ เลยอยากทำไปเรื่อยๆ”

ใครอ่านจนถึงตรงนี้แล้วฟีลลิ่งมันมา อยากสัมผัสบ้านข้าง ๆ มากกว่าจากรูปภาพ มารวมกันตรงนี้ บ้านข้างๆ กำลังจะมี Exhibition ในชื่อ ‘Sky of Life’ by บ้านข้างๆ วันที่ 23 มิ.ย. – 11 ก.ค. นี้แล้ว จัดที่ 10ml. รายละเอียดเพิ่มเติมตามโปสเตอร์เลย มาคุยกันต่อเรื่อง Exhibition

สิ่งที่อยากเล่าในนิทรรศการ

“จริง ๆ ทุกงาน ทุกอย่างที่ทำ อยากให้มันอยู่บนพื้นฐานของความธรรมดามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ เพลง หรืองานที่ทำ ที่ออกมา ถ้ามันออกมาหวือหวาเกินไป มันก็ไม่ใช่บ้านข้าง ๆ แล้ว อย่างนิทรรศการที่จัดเราตั้งใจให้คนที่เข้ามามีความรู้สึกเดียวกับเรา ตอนนี้เขาเป็น Reciever ที่รับ Message จากเรา พยายามทำให้มันเป็นพื้นที่ของเรา บ้านของเรา ที่เรามองบ้านข้าง ๆ ท้องฟ้า จากมุมของเรา อยากให้เขามารู้ความรู้สึกตรงนี้ ว่าแต่ละรูปเรารู้สึกอะไร”

ฝากนิทรรศการหน่อย

“ความตั้งใจคืออยากให้คนเข้ามารู้สึกเหมือนที่เรารู้สึก อยู่ฝั่งคนดูมาเป็นปีแล้ว อยากให้มาอยู่ฝั่งคนทำบ้าง อาจจะเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เห็นจากการตาม IG เราก็สงสัยว่าจากภาพที่อยู่ใน IG ถ้าออกมาเป็นภาพจริง ๆ กับข้อความที่จับต้องได้จริง มันจะรู้สึกยังไง พื้นที่ไม่กว้างมาก มันเล็ก ๆ มันจะมีภาพ มี Ambient ที่เราอัดมาจากที่บ้าน มาเปิด ให้รู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านเลย เราได้อะไร เราก็อยากให้คนดูได้เหมือนกัน มากันเยอะ ๆ ถ้าว่าง แต่อย่าเยอะไป เดี๋ยวมันแน่นแล้วไม่ได้อะไร ผลัด ๆ กันมา”

เราคงเห็นแล้วว่า สิ่งธรรมดาที่อยู่รอบตัวเรานั้น จะกลายเป็นสิ่งพิเศษได้เสมอ หากเรามีมุมมองต่อมันที่พิเศษ ใส่ใจ และให้เวลากับมัน เราอาจจะมีสิ่งธรรมดาที่กลายเป็นสิ่งพิเศษ และได้อะไรจากมันมามากมายอย่างที่บ้านข้างๆนี้ก็ได้