From The Land Of The Moon: รักร้าวจากดวงจันทร์ ‘ความไม่รัก’ นั้น ทำเราเจ็บปวดได้แค่ไหน ?

อากาศร้อนอบอ้าวบ่ายวันหยุดเดือนเมษาฯแบบนี้ ย้ำเตือนให้เราโหยหาความชุ่มฉ่ำและเย็นยะเยือกของสายน้ำ แต่คงไม่มีสายน้ำไหนที่จะดับร้อนได้ตราตรึงใจเท่าในเรื่อง From The Land Of The Moon อีกแล้ว ฉากที่ Gabrielle ยืนอยู่กลางลำธาร ให้สายน้ำไหลผ่านระหว่างขาทั้งสอง เพื่อดับความร้อนของแสงแดดและความร้อนรุ่มข้างในตัวของเธอเอง

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความหม่นหมองก็ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรัก แต่มันคือหนังของความไม่รักมากกว่า แล้วไอ้ความไม่รักเนี่ยแหละที่ตัวละครทุกตัวต่างได้สัมผัส หยิบยื่นให้กัน และเจ็บปวดกับมันมาไม่น้อย

Gabrielle ผู้ไม่เคยเป็นที่รัก

เธอผู้เอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง เธอผู้ให้ความปรารถนาเป็นดั่งเข็มทิศนำทางให้ชีวิต เธอผู้มอบความรักจากจุดที่ลึกที่สุดของหัวใจให้กับใครที่เธอเลือก จนเหลือแต่ความหนาวเหน็บ แข็งกระด้าง และไร้หัวใจ สำหรับใครที่เธอไม่เอื้อนเอ่ยคำรักและผู้โชคร้ายคนนั้นก็คือสามีของเธอเอง

แม้แต่คนในครอบครัว แม่ผู้ให้กำเนิดก็ไม่ได้ให้ความรักแก่เธอมากเท่าที่ควร เธอกลาย สาวทึนทึกที่ไม่ได้ออกเรือนไปเสียที จนถูกจับคลุมถุงชน ไปกับชายสักคนที่บังเอิญมาตั้งรกรากแถวนี้ การผลักไสครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครเลย เธอเป็นเพียงเรื่องน่าอาย เป็นจุดด่างพร้อย ในครอบครัวที่แสนสมบูรณ์ แม้แต่ครอบครัวของตนก็ผลักไสเธอไปด้วยการแต่งงานออกเรือน

เธอขอร้อง (แกมบังคับ) ให้สามีต้องจ่ายเงินให้เธอเมื่อร่วมรักกัน เพื่อเป็นการประกาศกร้าวชัดเจนว่าเธอไม่เคยต้องการร่วมชีวิตกับเขาแม้แต่วินาที สารพัดความเหินห่างที่จะหยิบยื่นให้เขาได้ ถูกส่งผ่านออกไปในชีวิตประจำวัน เขาเองไม่ได้มีท่าทีเบื่อหน่าย ในสายตาของเธอ ชีวิตเขามีแต่เพียงการทำงาน ใช้เวลาไปกับการเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบจากมุมมองของคนนอกเท่านั้น เธอเองก็เชื่อว่าเขา ไม่ได้มอบความรักให้เธอเช่นกัน

สุขภาพจิตที่ไม่สู้ดี ยังอาศัยอยู่บนร่างกายที่เจ็บป่วยอยู่เสมออีกด้วย อาการปวดท้องเป็นๆ หายๆ ทำให้เธอต้องไปรักษาตัวที่สถานบำบัดร่างกาย ที่ทำให้เธอได้พบกับทหารหนุ่ม ผู้ที่เธอเชื่อว่าเป็นรักแท้ (แท้ยิ่งกว่าสามีของเธอเอง) เป็นผู้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป ความอิ่มเอม ฟุ้งฝันที่เธอตามหา อยู่ในคนๆ นี้นี่แหละ

แต่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย มีเพียงคำมั่นสัญญาจากปาก ที่คอยพันธนาการสาวช่างฝันคนนี้เอาไว้ ว่าเขาและเธอจะได้เคียงข้างกัน Gabrielle ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ José รับรู้ เพราะเธอพร้อมจะจากไปทุกเมื่อที่เขากลับมา ทุกตัวอักษร บนจดหมายทุกฉบับที่เธอพากเพียรส่งไปหาทหารหนุ่ม เฝ้าทวงสัญญาที่ยังคงผูกรั้งและเป็นความหวังให้ชีวิต ราวกับมันหายไปตามกาลเวลา ไม่มีสิ่งใดตอบกลับ แม้แต่ข้อความสั้นๆ การรอคอยของเธอนั้น ดูเหมือนว่ามันจะสูญเปล่าทุกครั้งไป

เพราะความไม่รักนั้น ทำเธอเจ็บปวดอยู่เสมอ

José ซ่อนความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังดวงจันทร์อันเหน็บหนาว

เขาโอบอุ้มหญิงสาวผู้เสียใจแทบบ้า เนื้อตัวเปียกปอน ส่งคืนให้อ้อมกอดของครอบครัว หลังจากเธอผิดหวังกับรักลมแล้งๆ ครั้งนั้น

แม้เป็นชายหนุ่มต่างถิ่น แต่เขาเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ และเลือกแม่สาวสติแตกคนนั้นมาเป็นครอบครัวของเขา ไม่มีใครเข้าใจถึงเหตุผล มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ

เขาไม่เก่งเรื่องความรักและการแสดงออก มีเพียงใบหน้าเรียบเฉยที่เธอเกลียดและเมินหน้าหนีทุกครั้งที่พบเจอกัน เขาทดแทนทุกอย่างด้วยการทำงานหนัก จุนเจือครอบครัว ไม่ให้ภรรยาของเขาต้องเข้าใกล้คำว่าลำบาก หรือน้อยหน้าเพื่อนบ้าน

เงินเก็บจำนวนหนึ่งต้องถูกใช้ไปกับการรักษาตัวของเธอที่สถานบำบัด เขาทำงานหนักขึ้น แต่ก็ยังไม่วาย หาเวลาไปเยี่ยมเยียนภรรยา แม้ทุกครั้งที่ไปเจอคือการเมินหน้าหนี และการกล่าวโทษว่า เขามาทีไร ฝนต้องตกทุกที ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอไม่ต้องการเจอหน้าเขา

เปียโนจากน้ำพักน้ำแรงของเขา ถูกตั้งเอาไว้ในบ้าน เพื่อต้อนรับการกลับมาของเธอ แล้วเขาจะต้องจัดการความรู้สึกนี้อย่างไร เมื่อภรรยากลับมาพร้อมบอกเขาว่า เธอมีคนรักของเธอ และกำลังจะไปใช้ชีวิตด้วยกัน

เขาเฝ้ามองเธอใช้ชีวิตใต้ใบหน้าเรียบเฉย เฝ้ารอใครคนนั้น รักเขาแทบบ้า แต่ได้ตอบกลับมาเพียงความเงียบงัน ทั้งความเงียบงันจากทหารหนุ่มคนนั้น และความเงียบงันจากเธอ ที่ไม่เคยหันมาที่เขาอีกเลย

เพราะความไม่รัก เกิดกับใครก็ล้วนเจ็บปวดทั้งนั้น

ชีวิตคู่ของเขาและเธอ ต่างต้องเจ็บปวดเพราะความไม่รักที่หยิบยื่นให้กันเอง แต่ภาพยนตร์กลับเล่าออกมาได้อย่างเนิบช้าและสวยงาม ไม่ได้ดรามาติกน้ำตาตกอย่างที่คิดไว้ เราจะได้ชมทั้งความสวยงามของโลเคชั่น และจากการแสดงทรงพลังของตัวเอกทั้งคู่

แด่ผู้คนที่ก่นด่า สาปแช่ง และพิพากษาเธอจนสิ้นดี

แด่ความพากเพียร ทุ่มเท และเย็นชา

แด่ความเหน็บหนาวบนดวงจันทร์ ที่จะไม่หวนคืนเช่นเดียวกันกับหน้าร้อนที่ผ่านไป