ตอนเรียนปรัชญา ดูหนังอะไร ? 5 หนังที่เราได้ดูในคลาสและอยากแนะนำ

เมื่อสักสามสี่ปีก่อน หนังสือ “โลกของโซฟี” ปกสีม่วงเล่มหนาพอประมาณ โดนเราหิ้วไปมา หาที่สงบเปิดอ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะมันคือหนังสือที่ต้องใช้สอบในวิชาประวัติปรัชญา

การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องยาก แต่การอ่านเล่มนี้คือเรื่องยาก เราโดนล่อหลอกด้วยความเข้าใจง่ายในช่วง
แรก เพลิดเพลินไปเก้าสาวน้อยที่เรียนปรัชญาผ่านจดหมาย โดยหวังใจว่าเราเองก็คงจะเก็บเกี่ยวเอาเนื้อหาของปรัชญาจากเล่มนี้ได้เช่นเดียวกับเธอ เราประมาทเกินไป หลังจากนั้นความเข้าใจง่ายได้หายวับไป เหลือทิ้งไว้แต่เนื้อหาหนัก ๆ ที่ไม่อาจอ่านรอบเดียวแล้วเข้าใจได้

แต่ไม่ใช่กับหนังในคลาสแฮะ นอกจากหนังสือแล้วก็มีหนังหลายเรื่องจนนับนิ้วไม่หมด ที่เราต้องดูตลอด ภาคการศึกษา ดูเหมือนว่าเราจะเข้าที่เข้าทางกับมันมากกว่า เลยอยากเอาหนังที่ประทับใจจากคลาสปรัชญาหลาย ๆ วิชามาแบ่งปัน แบบไม่ได้ฟุ้งฝัน เข้าถึงยาก อย่างที่ใครเข้าใจ มาลองดูกัน แล้วอาจจะเข้าอกเข้าใจปรัชญามากขึ้น

 

Agora

Directed by Alejandro Amenábar

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของการปะทะกันของศาสนา Hypatia (Rachel Weisz) ครูสอนปรัชญา กลับหันหน้าเข้าสู่ท้องฟ้าและดวงดาว เพื่อแสวงหาความจริงเรื่องการโคจรของโลกใบนี้ เรื่องราวของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และปรัชญาที่เธอรัก ยังคงโอบอุ้มเธอให้หลีกหนีจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่น

แต่แล้วศาสนาที่เพิ่งมาทีหลังนั้น กลับเข้ามาส่งผลกระทบครั้งใหญ่ให้กับวงการวิทยาศาสตร์ เพราะการไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เชื่อ มันช่าง conflict กับการตั้งคำถามที่เป็นหัวใจหลักของการเรียนรู้ในทุกศาสตร์อย่างมาก

จริง ๆ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนม.4 แต่ก็ได้กลับมาดูตอนมหาลัยอีกครั้งก็ในคลาสนี่แหละ ตอนนั้นเปิดโลกให้กับเด็กน้อยอีกครั้ง หลังจากอึ้งแดกกับหนังสือ Angel & Demon ไป เรื่องนี้สำหรับเรามันไม่ได้เป็นการผูกปมอะไรจนว้าว แต่มันคือการบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสนุกและไม่ยัดเยียด พอให้เราได้หายใจหายคอ แม้ตอนนั้นจะเป็นเด็กมอสี่ที่ไม่มีความรู้อะไรอยู่ในหัวมากนัก ก็ยังสามารถคิดตามเรื่องนี้ได้แบบวิ่งไล่กันทัน

 

The Thirteenth Floor

Directed by Josef Rusnak

เรื่องราวฆาตกรรมที่นำมาชูโรงของเรื่องนี้ ชวนให้เราหลงไปกับ Thriller จนอาจจะมองข้ามความ Sci-Fi ที่ทำออกมาได้เจ๋งมาก โดยเฉพาะสำหรับยุคนั้น เนื้อเรื่องการฆาตกรรมพื้น ๆ สำหรับคอหนัง อย่างการตายแบบปริศนาแล้วพบความผิดปดติ จนต้องสืบสาวราวเรื่องจนไปเจอความจริงแสนหนักอึ้ง แต่แม่งจะหนักมากขึ้นสำหรับเรื่องนี้

ที่เล่ากำกวมเพราะเราเองไม่อยากหลุดสปอยล์ใด ๆ ออกไปสักนิด เอาเป็นว่าถ้าชอบ Thriller นี่จะเป็น Thriller ที่สนุกอีกหนึ่งเรื่อง แต่ถ้ารัก Sci-Fi เรื่องนี้จะกลายเป็นหนังขึ้นหิ้งในใจอีกเรื่องของคุณ ด้วยความที่ฉายชนกับ The Matrix จนเรื่องนี้ไม้ได้ประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่าที่ควร แต่ด้านคำวิจารณ์นั้นถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

 

Children of men

Directed by Alfonso Cuarón

ค.ศ. 2027 คือไม่อีกกี่ปีข้างหน้าสำหรับโลกแห่งความจริง แต่โลกในภาพยนตร์เรื่องนี้ โลกของเราเข้าสู่ยุคดิสโทเปียไปเรียบร้อยแล้ว ความเสื่อมโทรมแทรกซึมเข้าไปอยู่ทุกคนทุกแห่ง เสียงลั่นไกจากกระบอกปืน ยังคงได้ยินเป็นระยะจากสงครามกลางเมือง

ความหวังของมวลมนุษยชาติดูริบหรี่ลงไป เมื่อมลภาวะทำให้เพศหญิงทั่วโลกไม่อาจตั้งครรภ์ได้ นั่นหมายความว่าไม่มีประชากรเกิดใหม่ขึ้นเลย การสูญพันธุ์ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้

แต่แล้วแสงสว่างของความหวัง สาดส่องลงมาบนโลกอันโกลาหลนี้อีกครั้ง เมื่อสาววัยรุ่นผิวสีคนหนึ่งตั้งครรภ์ และเธอต้องรักษาเด็กในท้อง เด็กคนแรกในรอบหลายปีเหลือเกินนับตั้งแต่โลกวุ่นวาย ให้มีชีวิตรอดออกมาเป็นพลังของการดิ้นรนของมนุษย์

เรื่องนี้เล่าเรื่องแบบไม่รีบเร่งเท่าไหร่นัก แต่เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ บอกเลยว่ามันทรงพลังมาก มากจนทำให้เราหันมาตระหนักเรื่องความเป็นมนุษย์กันมากขึ้นอีกนิด

 

Being There

Directed by Hal Ashby

ชีวิตมหัศจรรย์ของคนแสนธรรมดา ที่วันหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นคนสำคัญ เพราะอะไรนั้น ต้องแล้วแต่การตีความของเราเองนั่นแหละ เรื่องของคนสวนคนนึง ที่สติปัญญาของเขาเท่าเด็กไม่กี่ขวบ ใช้ชีวิตซื่อ ๆ ของเขาเป็นคนสวนของมหาเศรษฐีมาตลอดชีวิต จนกระทั่งผู้อุปถัมภ์ของเขาสิ้นชีวิตลง เขาโดนเตะออกจากบ้านอย่างหมดความหมาย

ลองนึกภาพชายมีอายุ ที่สติปัญญาไม่เต็มร้อยนัก ไม่เคยก้าวออกจากบ้าน สิ่งที่เปิดโลกภายนอกของเขามีเพียงโทรทัศน์ ต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองมันจะป่วนแค่ไหน

หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องราวจับพลัดจับผลูของเขา ที่ได้กลายเป็นคนทรงอิทธิพลของอเมริกาแบบไม่น่าเชื่อ สำหรับเรา เรื่องนี้คือความตลกร้ายจนแทบจะขำไม่ออก ถ้าอุทานออกมาได้คงบอกว่า แลงมากแม่ แทนความร้ายกาจของเรื่องนี้

 

The Adjustment Bureau

Directed by George Nolfi

คิดว่าก้าวที่สะดุดของเราเมื่อเช้า เป็นแค่ความซุ่มซ่ามหรือเปล่า? หรือการได้เจอเพื่อนเก่า เป็นเรื่องบังเอิญอีกหรือไม่? คำตอบของเราอาจจะเป็นคำว่า ใช่ มาตลอด แต่หลังจากดูเรื่องนี้จบ เราอาจตั้งคำถามกับตัวเองใหม่

การนำเสนอเรื่องของวงกระเพื่อมที่แสนจะ Sci-Fi ให้ออกมาโรแมนติก เขินตัวบิด เรื่องของ David Norris (Matt Damon) นักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ได้พบกับสาวปริศนาอย่างบังเอิญในห้องน้ำ ด้วยภาระหน้าที่ทำให้เขาและเธอต้องจากกันไป ทิ้งไว้แต่เพียงความประทับใจในความทรงจำ

แต่แล้วทั้งสองคนมาเจอกันอีกครั้งด้วยความบังเอิญ เขาจึงปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปอีกแล้ว เขาคิดอย่างนั้น แต่องค์กรลับเบื้องหลังความบังเอิญ การพบเจอ การลาจาก ที่เราเรียกว่าชะตาชีวิต ไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขามองว่าทั้งสองคนไม่ควรได้พบเจอกันอีก

หลังจากนี้จึงเป็นเรื่องราวโรแมนติกของความพยายามเข้าหากัน ท่ามกลางการกีดกันของพลังที่มองไม่เห็น