เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด 5 หนัง Coming Of Age เรื่องราวการก้าวผ่านทางแยกของชีวิต

Coming Of Age สำหรับคุณคืออะไร ? วัยรุ่นเลือดร้อน วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ทำเรื่องผิดพลั้งเพราะความห้าว หรือเด็กน้อยผู้ขลาดและเขลา ปล่อยให้ความไร้เดียงสานำทางให้ชีวิต ไม่ว่าจะเคยเข้าใจแบบไหนมา (เราก็ไม่ได้จะบอกอีกแหละว่ามันถูกหรือผิด) อยากจะชวนมาดู Coming Of Age ในแบบที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องราวัยรุ่น หนังไฮสกูล จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุไหน การเติบโตหลังจากเรื่องราวหักเหหรือเรื่องที่เป็นทางแยกของชีวิต นั่นแหละคือ Coming Of Age ที่สามารถพบเจอได้ในทุกช่วงอายุ

มาดูเรื่องราววายป่วง Coming Of Age ในแบบที่ไม่ค่อยได้สังเกตกัน เพราะหนังที่แนะนำส่วนมากก็แมสนี่แหละ แต่อยากให้ลองดูในประเด็นที่ซ่อนไว้ของการก้าวผ่านครั้งสำคัญในชีวิต

Peter Pan (1953)

Directed by Clyde Geronimi, Wilfred Jackson, Hamilton Luske, Jack Kinney

งงใช่มั้ยคะว่านิทานสำหรับเด็กแบบนี้มันเป็น Coming Of Age กับเขาด้วยหรอ บอกเลยว่าเป็นค่ะ เป็น Coming Of Age ที่ดีจนต้องแนะนำเลยล่ะ เรื่องราวที่มีมากกว่าความป่วนของเหล่าเด็ก ๆ เต็มไปด้วยการเสียดสีผู้ใหญ่ ที่มักจะทำตัวเป็นใหญ่สมชื่อเสมอ ผู้ใหญ่ที่มักจะเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง มากเสียจนเอาสิ่งนั้นไปกำหนดให้กับเด็ก ไม่ใช่ในกรณีของการเลี้ยงดู อันนั้นมันเป็น Basic Needs ค่ะ เรากำลังพูดถึงการให้เด็กได้มีโอกาสเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ในเรื่องนี้มีตั้งแต่พ่อแม่แสนประหลาด ไม่ตรงต่อเวลา แต่อยากให้เด็ก ๆ เข้านอนตามที่ตัวเองบอก อยากให้ลูก ๆ รักใคร่กันแต่ทะเลาะกันให้ลูก ๆ ได้ยิน ร้ายกาจที่สุดคงจะเป็นการเอาหมามาเป็นพี่เลี้ยงนี่แหละ

การเดินทางไป Neverland ของแก๊งฟันน้ำนม จึงไม่ได้เป็นแค่ Day Dream แต่มันคือพื้นที่ที่พวกเขาได้รับการยอมรับ ได้เป็นผู้กล้า ได้คิดและตัดสินใจในเรื่องสำคัญแบบในชีวิตจริงไม่เคยมีโอกาสนั่นเอง

ถ้าลองตั้งใจดูเมื่อเราเติบโตขึ้น รับรองว่าจะได้เห็นซีนและไดอะล็อกที่บาดลึกความรู้สึก เพราะเราเองก็เคยเป็นเด็กน้อยในวันนั้นและหลงลืมพวกเขาเอาไว้ในอดีตอย่างไม่เคยหันกลับไปมอง

 

Almost Famous (2000)

Directed by Cameron Crowe

William Miller (Patrick Fugit) หนุ่มน้อยวัย 15 หมาด ๆ ที่จับพลัดจับผลูได้ไปใช้ชีวิตตะลอนทัวร์กับวงดนตรีชื่อดังของยุค Stillwater เพื่อเขียนคอลัมน์ลงนิตยสาร Rolling Stone แต่กลับกลายเป็นว่า Miller ได้มาเจอชีวิตแบบข้ามขั้นเร็วไปเสียหน่อย เราอยู่กับเหล่านักดนตรีแทบจะตลอดเวลา จึงเห็นเบื้องหลังอันฉาบฉวย สนุก สลด ครบรสของชีวิตจริง ทั้งเหล้า ยา ปาร์ตี้ เซ็กซ์ เมา ต่อยกัน ดีกัน ต่อยกันใหม่ อะไรทำนองนี้ จนเขาเกิดคำถามย้อนกลับมาที่ตัวเองว่านี่คือความสนุกของการเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ หรอ ?

ดูเรื่องนี้จบ เราเองอาจจะเป็นฝ่ายที่ย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเมื่อตอนวัยรุ่นเราจะรีบโตไปไหนวะ ? ก็ได้

 

แฟนฉัน (2003)

Directed by คมกฤษ ตรีวิมล, ทรงยศ สุขมากอนันต์, วิทยา ทองอยู่ยง, นิธิวัฒน์ ธราธร, อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม, วิชชา โกจิ๋ว 

“เจี๊ยบตัดยางเราทำไม ?” ประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของคนที่เคยดูเรื่องนี้ เรื่องราวมิตรภาพวัยเด็ก ความทรงจำอันหอมหวานสมัย Puppy Love ที่ไร้เดียงสาขนาดที่เรายังไม่มี Filter อะไรมาครอบงำความรู้สึกพองโตในใจที่เรียกว่าความรัก เป็นอีกเรื่องที่เรายังอยากชวนให้กลับไปดูอยู่เสมอ ในวันที่เราทำความสดใสหล่นหาย

ความร้ายกาจของเรื่องนี้ คือการสั่งสอนเจ้าเด็กตัวจ้อย (เจ้าเจี๊ยบนั่นแหละ) ว่า ในชีวิตจริง ไม่ใช่ทุกอย่างจะลงเอยสวยงามดั่งใจ โชคชะตาพร้อมจะเล่นตลกกับเราได้เสมอจริง ๆ วันพรุ่งนี้ตื่นมา อาจจะเจอกับเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ เพราะฉะนั้นจงเตรียมชีวิตให้พร้อบกับการเปลี่ยนแปลงเสมอ และรักใครให้รีบบอกโว้ย! บอกตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าบ่าวอาจจะเป็นแกก็ได้ไอ้เจี๊ยบ!

 

Moonlight (2016)

Directed by Barry Jenkins 

ในชีวิตที่แสนเคว้งคว้าง แม้จะบอกให้ตัวเองเข้มแข็งแค่ไหน เราก็ยังอยากได้ใครที่คอยเป็นที่พักพิง คนที่คอยยืนหยัดเพื่อเรา ให้ได้อุ่นใจในทุกครั้งที่นึกถึงนั่นแหละ

เรื่องนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนชัดเจน เส้นเรื่องจะยึดอยู่กับตัวเอกอย่าง Chiron ในวัยเด็ก วัยรุ่น และช่วงกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เติบโตมาในสังคมคนผิวสี เหยียบเอาความรู้สึกที่แตกต่างของเขาเอาไว้ นั่นยิ่งผลักให้เขาออกจากวงของสังคมจนกลายเป็นคนนอก ขอบคุณชีวิตที่ไม่ใจร้ายกับเขามากเกินไปนัก เขาได้พบเจอกับใครที่สามารถเป็นที่พักพิงให้กับเขาได้ เป็นเหมือน Moonlight ในค่ำคืนมืดมิด

เล่ายากมาก เพราะหนังถ่ายทอดเรื่องราวหนัก ๆ ออกมาได้สวยงามและเรียบง่าย จนไม่รู้สึกว่ามันฝืนจนกลายเป็นหนังดราม่าน้ำตาไหลเป็นเลือด ดราม่าแต่พอดี ไม่เอียนมาก แถมยังเล่าง่ายไม่เครียดเกินไปด้วย

 

Stardust (2007)

Directed by Matthew Vaughn

พักเรื่องราวดราม่าน้ำตาแตกเอาไว้ มาเบาสมองไปกับ Rom-Com ที่เหมาะแก่การสละเวลาในบ่ายวันหยุดอย่างเรื่องนี้ เรื่องราวของหนุ่มซื่อบื้อ Tristan Thorn (Charlie Cox) อยากจะเอาใจสาวที่ตัวเองหมายปอง ถามสาวว่าจะเอาอะไร สาวบอกจะเอาดาวตก5555555555 แล้วถามว่าหาให้มั้ย คำตอบคือ หา! ไอ้บ้าเอ๊ย5555555555 พ่อหนุ่ม Thorn จัดแจงปีนออกนอกกำแพงหมู่บ้าน เพื่อตามหาดาวตก จนไปพัวพันกับเรื่องราวผจญภัยที่โคตรสนุก สนุกแบบเบาสมองสมกับความเป็น Rom-Com แต่อย่าเพิ่งดูแคลน Rom-Com เลย อันนี้เขาผูกเรื่องไว้ได้ดีและสนุกมาก

แล้วมัน Coming of age ยังไงน่ะหรอ ต้องไปดูเอง ก็คือเจ้าหนุ่มก่อนไปและตอนกลับมา เติบโตและตาสว่างมากขึ้น (เพราะอิเรื่องที่ไปเจอมาน่ะ วายป่วงมาก5555555) ลองมองย้อนกลับไปที่เราสมัยวัยรุ่นสิ เราอาจจะเคยมีโมเมนต์ทำอะไรแผลง ๆ เพื่อความรัก จนอยากย้อนกลับไปตบกระโหลกตัวเองตอนนั้นเหมือนกันแหละน่า